รับเชื้อโควิดเข้ามาทีละน้อยๆ ก็เหมือนฉีดวัคซินแล้ว เพราะร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาเอง แล้วถ้าติดขั้นรุนแรงเมื่อหายร่างกายก็จะรู้จักเหมือนกัน ไม่ว่าสายพันธุ์ไหนเอาอยู่หมด แต่วัคซินนี่ต้องคอยฉีดตามเชื้อๆ มาใหม่ก็ต้องฉีดใหม่ ของเก่าก็ต้องคอยฉีดย้ำเอาไว้ คิดแล้วจะมีคนรวยจากวัคซีน แต่ยาสมุนไพรไทยคงยากขนาดให้ฟรีๆ ยังไม่ค่อยมีคนอยากได้กันเลย อยากได้แต่วัคซีน ข้อควรระวังคือคนแก่ต้องทำยังใงให้ชัดเจนเพราะคนแก่ไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาได้อย่างคนหนุ่มสาว
คลิ๊กดูวิธี> การทำงานของวัคซินแต่ละสูตรต่างกันอย่างไร <ที่นี่
แพทย์กำลังออกมาพูดความจริงเกี่ยวกับวัคซินมากขึ้นเรื่อยๆ ฟังความจริง ที่ไม่ใช่การตลาดของบริษัทยา แต่อยู่ในหลักการวิทยาศาสตร์ จรรยาบรรณ และ เสรีภาพ เสวนาความจริงทางเลือกในการป้องกันรักษา แถลงการณ์การรับ/ไม่รับ
สิ่งแรกที่มนุษย์ทุกคนจำเป็นต้องรู้คือข้อมูลนี้ ตั้งใจดูแล้วพิจารณา ไม่ได้บังคับให้ต้องเชื่อที่มามีอยู่ใต้คลิป อย่าให้คนที่สละเวลาทำออกมาแล้วถูกปฏิเสธการเชื่อถือด้วยเหตผลเพียงเพราะ เวบหน้าตามันไม่คุ้น ข้อมูลตรงไหนปลอมเมนท์มา
– คลิ๊กดูวิดิโอต่างๆ ของ นพ. อรรถพล
— คลิ๊กเพื่ออ่านความลับของวัคซีน mRNA (ฉบับที่ 1)
— คลิ๊กเพื่ออ่านความลับของวัคซีน mRNA (ฉบับที่ 2)
คุยกับหลานที่จบปริญญาเอกทางวิศวะโยธา แต่ไปเรียนเพิ่มทางแพทย์แผนไทย นำข้อมูลมาพูดให้ฟังว่า ผู้ป่วยจำนวนมากตายด้วยโรคไวรัส Covid -19 เพราะพลาดโอกาส นาทีทองของชีวิตแค่ ๔ วัน ตามวิธีการรักษาแพทย์แผนปัจจุบัน มักให้ดูอาการ โดยยังไม่ให้ยา ยกเว้นยาแก้ไข้ แก้ปวด จนกว่าอาการหนัก จึงให้ยาฟาวิพิราเวีย คนสูงวัย หรือผู้มีโรคประจำตัว ภูมิคุ้มกันตำ่ ก็มักจะไม่ทันการณ์แล้ว เชื้อเข้าปอดทำลายจนปอดพัง ยากต่อการรักษายิ่งคนแก่จะจบเร็ว ประสิทธิภาพการขยายตัวของไวรัสคือ 1 : 700/วัน เชื้อทุกตัวคูณด้วยการยกกำลัง 2 ทุกวัน เพียง ๔ วัน เชื้อโรคจำนวนมหาศาลเข้าเกาะกินปอด ก็ยากที่จะภูมิคุ้มกันของร่างกายจะเอาอยู่ ปัจจุบันยังไม่มียาชนิดใดฆ่าเชื้อตัวนี้ได้ ยกเว้นเม็ดเลือดขาวภูมิคุ้มกันของตัวเราเองเท่านั้นที่จัดการได้ คน 80 % ป่วยแล้วหายเอง ก็เพราะมีภูมิคุ้มกันดี (ดูพวกคนงานพม่า แข็งแรง ภูมิสูง ติดเชื้อหลายหมื่น ไม่ตายสักคน)
ยาฟ้าทลายโจร ไม่ได้ฆ่าเชื้อแต่ทำหน้าที่ยับยั้ง ไม่ให้เชื้อขยายตัวเร็ว ทำให้อัตราการขยายตัวของเชื้อ ลดลงเหลือ 1 : 100 ทำให้ร่างกายมีเวลาเพิ่มเม็ดเลือดขาวจำนวนมาก มาจัดการกับเชื้อโรคได้ จึงหายป่วย แม้ฉีดวัคซีน ก็ไม่ได้ฆ่าเชื้อแค่ทำหน้าที่กระตุ้นภูมิคุ้มกันเท่านั้น
สรุปคือในช่วงวิกฤตินี้ให้สังเกตตัวเองว่า หากมีอาการคล้ายหวัด หรือเจ็บคอให้สันนิฐานไว้ก่อนว่า ติดโควิดแล้ว รีบกินยาฟ้าทลายโจรทันที วันละ 3 ครั้ง ต่อเนื่องกัน ๔ วัน หายป่วยแน่นอน แม้ไม่ใช่โควิด ก็หายป่วยจากหวัด วิธีนี้เป็นการช่วยชีวิตให้รอดปลอดภัย อย่ารออยู่แต่ในสถานกักตัว พลาดโอกาสทองในการช่วยชีวิต โดยไม่ทานยา ชีวิตอาจจบอย่างน่าเสียดาย
มีการออกสื่อทีวี พบว่า ยาฟาวิพิราเวียใช้แล้วไม่ได้ผล ถ้ามีสรรพคุณฆ่าเชื้อได้ คนป่วยต้องไม่ตายมากขึ้นทุกวัน ส่วนยาฟ้าทลายโจร ที่หมอแผนไทยเริ่มรณรงค์นำมาใช้กลับมีสรรพคุณรักษาคนหายป่วยมากขึ้นทุกวัน มีอาการอย่ารอจนหมดนาทีทองฟ้าทลายโจรช่วยชีวิตได้
ตอนนี้โควิดกลายพันธุ์ จะไม่มีไข้ กว่าจะรู้ตัวว่าติดโควิด ก็มีไข้ ไอ และเชื้อลงปอดไปแล้ว สังเกตุเมื่อมีอาการ –ปวดเมื่อย –อ่อนล้า –ปวดศีรษะ รีบกินฟ้าทะลายโจร ทันที และต้องกินให้เพียงพอ ร่างกายเราทุกคนมี *ภูมิคุ้มกัน* ไม่เท่ากัน เพราะฉนั้นต้องกดให้หายภายใน 4 วัน ไม่งั้นเชื้อจะลงปอด
ข่าวดีสุดๆ ชัดเจน ล่าสุดหลังจากงานวิจัยของ ม.มหิดล กระชายฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ 100% ท่านผู้นี้เอาไปใชั เขาไปในที่เสี่ยงติดโควิดหลายที่ ทั้งสัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรง ล่าสุดซอยทองหล่อก็ไปมาด้วย เขาใช้กระชายขาวทุกครั้ง โควิดทำอะไรไม่ได้เลยได้ผล 100 % จริงๆ ฟังจากปากคนใช้เอง และวิธีทำน้ำกระชายสกัดเย็น
BIOTHAI (มูลนิธิชีววิถี) ได้ออกให้ข้อมูลว่า มีคณะนักวิจัยจาก Columbia University และ University of Washington สหรัฐอเมริกา ได้วิจัยพบว่า “โกฐจุฬาลัมพา” สามารถต้านเชื้อโควิดได้ในห้องปฏิบัติการ ผลวิจัยดังกล่าว พบว่าสารสกัดโดยน้ำร้อนของสมุนไพรนี้มีฤทธิ์ยับยั้งโควิดได้ ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยก่อนหน้านี้ของนักวิจัยในจีน และการส่งเสริมโดยประธานาธิบดีแห่งมาดากัสการ์
ให้ยาเร็ว ลดความรุนแรงของโรคได้ คนทางบ้านจึงได้ร่วมบุญผลิตยาฟ้าทะลายโจร รุ่นพิเศษ มีแอนโดรกราโฟไลด์สูง ๓๐ มก./แคปซูล หนที่สองนี้ผลิตอีก ๓๐๐,๐๐๐ แคปซูล เพื่อมอบฟรีให้แก่ รพ. และ รพ.สนาม ศูนย์พักคอย และ CI เรือนจำ
กรุณาแจ้งรายละเอียด ๔ ข้อ
• ขอรับยาสำหรับสถานที่ใดบ้าง
• จน.ผู้ป่วยโควิดรายใหม่ (เฉลี่ยคร่าวๆต่อวันในสัปดาห์ที่ผ่านมา)
• จน.แคปซูลที่ขอรับสำหรับใช้ ๑ เดือน
• ชื่อ นามสกุล / ตำแหน่ง / ที่อยู่ / โทร. มาทางไลน์ @BuranaBuddha
หรือทีมงานหาชุดหมีให้(พี่)หมอ
สำหรับท่านที่ประสงค์จะร่วมบุญ ผลิตยาฟ้าทะลายโจรนี้สามารถเป็นเจ้าภาพได้
ในราคาต้นทุน เม็ดละ ๓ บาท (หรือกระปุกละ ๙๐ บาท) หรือร่วมเป็นเจ้าภาพ
อุปกรณ์ช่วยชีวิตชิ้นสำคัญอื่นๆ โดยสอบถามทางไลน์ @BuranaBuddha ได้เช่นกัน รับชมภาพความช่วยเหลือได้ในเม้นด้านล่างนี้ กราบอนุโมทนาผู้บริจาค และทีมงานจิตอาสาทุกท่าน ร่วมช่วยหมอช่วยคนไทยให้พ้นโควิด
มูลนิธิบูรณพุทธ
ธนาคารกสิกรไทย ออมทรัพย์
เลขที่บัญชี 0208999915
แจ้งการโอนของท่านได้ที่
Line ID: @BuranaBuddha
ผู้ป่วยโควิดขอรับ ยาฟ้าทะลายโจร/ยืมเครื่องผลิตออกซิเจน
Line ID: @covid191
รพ.ขอรับฟ้าทะลายโจร หน้ากาก N95 และเครื่องมือแพทย์ต่างๆ
Line ID: @BuranaBuddha
เขียนโพสโดยแอดมินเบลล์
ดูรายการบริจาคช่วยโควิดทั้งหมดของมูลนิธิบูรณพุทธได้ที่นี่
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เปิดลงทะเบียนแจกฟ้าทะลายโจร และจัดส่งฟรีทางไปรษณีย์ ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 และผู้สัมผัสเสี่ยงสูง รวมทั้งให้บริการข้อมูลเบื้องต้นในการดูแลสุขภาพด้วยสมุนไพรฟ้าทะลายโจร สายด่วน 06 5504 5678
Line OA: Fah First AID หรือ Line ID: @fahdtam หรือคลิ๊กที่นี่เพื่อแสกน QR code
สำหรับคนไม่มีตังไป รพ หมดเป็นล้าน ที่นี่ไม่มีตังก็รักษาฟรี ต้มยาแจกกินเจ็ดวันหายแน่นอน
ทางสมาคมขอแจ้งการจัดส่งยาตำรับแผนไทย ให้ผู้ป่วยฟรีค่ะ ท่านใกล้ที่ไหนเรียนเชิญเข้ารับการปรึกษาได้เลยคะ
– อคิราห์คลินิกการแพทย์แผนไทย จ.เชียงใหม่
เบอร์โทร 083 564 4504
– บุณยวรีคลินิกการแพทย์แผนไทย กรุงเทพมหานคร พร้อมให้คำปรึกษาทุกเรื่องที่เกี่ยวกับโควิดค่ะ
เบอร์ หมอบุณย์ 091 446 2545
เบอร์ คุณนิตยา 084 682 1441
– กฤชภาคลินิกการแพทย์แผนไทย ลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร
เบอร์โทร 095 645 1426
เบอร์โทร 085 393 5441
– คลินิกบ้านคุณสุขพหลโยธิน กรุงเทพมหานคร
เบอร์คลินิกบ้านคุณสุข 092-464 4655
เบอร์หมอดีไซต์ แพทย์ประจำบ้านคุณสุข 082 145 9456
– ธมนวรรณคลินิกการแพทย์แผนไทย กรุงเทพมหานคร
เบอร์โทร หมอดาว 091 546 5696
– ไทม์เวลล์เนสสหคลินิก กรุงเทพมหานคร
เบอร์โทร หมอแตงโม 098 415 2409
– อาศรมมงคลคลินิกการแพทย์แผนไทย จังหวัดนนทบุรี
เบอร์โทร 081-266 2356
– จิรเวชชาญไชยคลินิกการแพทย์แผนไทย จ.นนทบุรี
เบอร์โทร ดร.นิธิวัฒน์ 098 159 6636
– วารินทร์ธร คลินิกการแพทย์แผนไทย จ.กาญจนบุรี
เบอร์โทร 065 053 8964
– คลินิกชิตชัยแพทย์แผนไทย พัทยา จ.ชลบุรี
เบอร์โทร 081 433 3400
เบอร์โทร 099 364 4465
คลินิกแพทย์แผนไทยไหน มีความประสงค์จะเข้าร่วมโครงการกับสมาคมฯ แจ้งมาใน in box สมาคมได้เลยค่ะ ร่วมด้วยช่วยกัน คนไทยจะรอดไม่สูญเสียคนที่รักจากไปต่อหน้าต่อตานะคะ
สำหรับผู้ป่วย COVID ที่ยังไม่สามารถเข้าระบบรักษาได้ เปิดลงทะเบียนผ่านไลน์ ให้ญาติเดินทางเข้ามารับแบบ Drive thru เกณฑ์ผู้ป่วยที่สามารถรับยาจากคลินิกต้องเป็นผู้ที่ยังไม่เคยได้รับยาต้านไวรัสฟาวิพิราเวียร์มาก่อน ไม่อยู่ในระหว่างการดูแลของสถานพยาบาล หรือ Community Isolation หรือ Home Isolation ต้องมีญาติหรือผู้แทนที่ไม่ติดเชื้อสามารถเดินทางมารับยาได้ ผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าวและสนใจขอรับยาฟาวิพิราเวียร์ สามารถลงทะเบียนขอรับยาได้ผ่านบัญชีไลน์ “Siriraj Favi Clinic” หรือ @siriraj-favi แล้วคลิกลงทะเบียนและกรอกข้อมูลในแบบฟอร์ม โดยระบบลงทะเบียนรับยาจะเริ่มเปิดตั้งแต่เวลา 8.00 น.เป็นต้นไป จนกว่าผู้ป่วยจะเต็มจำนวนที่โรงพยาบาลจะให้บริการได้
อ้างอิง https://www.thansettakij.com/general-news/491494
ผู้ป่วย COVID-19 ที่หายแล้ว ตรวจไม่พบเชื้อในร่างกาย แต่อาการผิดปกติอาจจะยังคงอยู่กับคุณสักพัก ซึ่งงานวิจัยหลาย ๆ ประเทศ พบว่า 30% ของผู้ป่วยโควิดที่รักษาจนหาย อาจพบปัญหาสุขภาพ หรืออาการตกค้างหลังหายโควิด ที่เรียกว่า Long Covid ซึ่งอาการส่วนที่พบก็คือ
1. ปวดเมื่อย ปวดศีรษะ : อาการปวดเมื่อย ปวดข้อ ปวดศีรษะ อ่อนล้า เพลีย คล้าย ๆ อาการหลังหายป่วยทั่วไป เป็นอาการที่ผู้ป่วยส่วนใหญ่เจอหลังหายจากโควิด 19 โดยอาการนี้อาจกินเวลานานประมาณ 2-6 เดือน เลยทีเดียว
2. ไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส : 53.1% ของผู้ป่วยโควิดที่ไม่ได้นอนรักษาตัวในโรงพยาบาล จะยังคงมีอาการรับกลิ่นและรสบกพร่องเป็นเวลานานกว่า 4 เดือน นับจากเริ่มมีอาการโควิด 19 เป็นต้นมา
3. หายใจไม่อิ่ม หายใจลำบาก : อาการนี้จะพบเยอะมาก และเดาไม่ได้ว่าอาการนี้จะอยู่ไปอีกนานเท่าไร สาเหตุเป็นเพราะปอดรับออกซิเจนได้ไม่เท่าเดิม ทำให้หายใจไม่เต็มปอด และรู้สึกเหนื่อยง่ายขึ้น
4. ปอดเสียหาย : อาการนี้อาจพบในผู้ป่วยอาการรุนแรงที่เข้ารักษาตัวช้า ส่งผลให้เชื้อไวรัสเข้าทำลายปอด ทำให้เนื้อปอดบางส่วนเสียหายหรือถูกทำลายอย่างถาวร โดยอาการจะหนักหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่าปอดอักเสบไปมากแค่ไหน และสามารถฟื้นฟูกลับมาได้หรือไม่
5. หย่อนสมรรถภาพทางเพศ : ผู้ป่วยชายที่ติด COVID-19 มีแนวโน้มเสี่ยงต่อภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศมากขึ้น 5.66 เท่า
6. ผมร่วง มีอาการซึมเศร้า : ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการผมร่วงเป็นเวลาหลายเดือนนับตั้งแต่มีอาการ COVID-19
7. จำอะไรไม่ค่อยได้ สมาธิสั้น : ผู้ป่วยโควิดบางคนหลังหายจากโรคแล้ว กลับพบปัญหาเรื่องความจำถดถอยลง สมองเบลอ และสมาธิสั้น ซึ่งอาจเป็นเพราะเชื้อไวรัสสามารถกระตุ้นให้เกิดอาการผิดปกติของระบบประสาทและสมอง
8. ภาวะ MIS-C ที่คล้ายโรคคาวาซากิ : หลังจากเด็ก ๆ หายจาก COVID-19 แล้ว อาจมีภาวะ MIS-C (Multisystem inflammatory syndrome in children) คือ มีอาการอักเสบในอวัยวะต่าง ๆ ทั่วทั้งร่างกาย คล้ายกับโรคคาวาซากิ ซึ่งหากรักษาไม่ทัน ก็อาจทำให้อาการโคม่า เสี่ยงเสียชีวิตสูง
9. โรคประจำตัวที่เป็นอยู่มีอาการรุนแรงมากขึ้น : ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคไต โรคที่เกี่ยวกับระบบอวัยวะอื่น ๆ และภาวะสมองเสื่อม อาจมีอาการของโรคนั้นรุนแรงมากขึ้น
ซี่งอาการเหล่านี้ส่วนใหญ่หายเองได้ หากเราดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง เช่น นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เลี่ยงอาหารที่ทำร้ายสุขภาพ รวมทั้งหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ แต่ถ้าอาการ Long Covid กระทบกับสุขภาพมาก ๆ ก็ควรไปปรึกษาแพทย์ครับ
(ข้อมูลจาก : kapook,โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย, เฟซบุ๊ก Pleasehealth Books, TNN, กรุงเทพธุรกิจ, สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย, WebMD)
1 ไม่ได้แปรผลว่า จะไม่ติดเชื้อ
(อธิบายลำบากค่ะ มันตรวจ humoral mediated immune ในขณะที่การติดเชื้อต้องตรวจ cellular mediated immune ซึ่งตรวจได้ยากต้องใช้ lab เฉพาะ)
2 ภูมิที่ตรวจได้เป็นภูมิทั่วไปของโควิด ซึ่งไม่ได้แปรผลสำหรับสายพันธุ์เดลต้า ซึ่งระบาดอยู่ตอนนี้ เช่น sinopharm ฉีดแล้วภูมิขึ้นสูง แต่ภูมิของเดลต้าต่ำเตี้ย เป็นต้น ส่วนการตรวจภูมิสายพันธุ์เดลต้าก็ทำได้ยุ่งยากต้องทำใน lab เฉพาะซึ่งมีไม่กี่แห่งค่ะ
สรุปก็คือ ไม่ได้แนะนำให้ตรวจภูมิแบบที่ตรวจๆกันอยู่เวลานี้ค่ะ (แต่ก็เห็นชอบไปตรวจกันจังเลย)
ใช้คำง่ายๆ ในการอธิบายเป็นเกล็ดความรู้ ปรับปรุงบทความจากเพื่อนเตรียมฯที่เคยอยู่เซ็นต์โยฯ, ห้อง chat chicago golf
คำว่า immunity คือ ภูมิต้านทานในร่างกายเราที่คอยต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอม เช่นไวรัส ที่เข้ามาในร่างกายเรา Vaccine ไม่ใช่ เป็นตัวยาที่จะไปฆ่าเชื้อไวรัส ตัวเม็ดเลือดขาวในสายเลือดเราเท่านั้นที่จะเป็น ตัวผลิต B cell และ T cell จากสายเลือดออกมากำจัดไวรัส Vaccine เป็นเพียง fake virus ที่ฉีดเข้าไปในเส้นเลือดเพื่อหลอกลวงเม็ดเลือดขาว ให้เตรียมผลิต B cell และ T cell เอาไว้ การสร้าง T cell และ B cell ต้องให้เวลาเม็ดเลือดขาวสัก 5-6 วัน ถึงจะ ผลิต T cell และ B cell
เมื่อเม็ดเลือดขาวผลิต T cell และ B cell แล้ว ทั้งสองก็จะลอยหมุนเวียนในสายเลือดคอยตรวจ และจัดการสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาทันที คนที่ไม่ฉีด vaccine เวลาไวรัสมันเข้ามารังแกเรา ร่างกายต้องใช้เวลา 4-5 วัน กว่าเม็ดเลือดขาวจะผลิต T cell ออกมาได้ บางทีไวรัสมันลุกลามเร็วจึงตายสะก่อน หลายคนที่เป็น COVID แล้วก็หายเอง ก็เพราะเม็ดเลือดขาวสามารถผลิต T cell ออกมาต่อสู้ได้อย่างรวดเร็ว หลายคนสุขภาพไม่ดี มีเลือดเลว เลือดไม่สมบูรณ์ เม็ดเลือดขาว จะไม่ทำงานตามปรกติ ถึงแม้นจะฉีด vaccine เข้าไปหลอกลวงเม็ดเลือดขาว มันก็ผลิต T cell, B cell ไม่ได้ดีเท่าที่ควร ทุกอย่างมันอยู่ที่ความสมบูรณ์ในเลือดเราเอง บางคนเลือดดี T cell และ B cell จะลอยหมุนเวียนในสายเลือดคอยป้องกันไวรัสอยู่เป็นปี พอนานๆ ไปเม็ดเลือดขาวมันเห็นว่าไม่มีไวรัสเข้ามาแล้ว มันก็จะเลิกผลิต T cell และ B cell
ดังนั้นเพื่อความมั่นใจทางการแพทย์เลยแนะนำให้ไปฉีด fake virus ( vaccine ) เข้าไปทุกๆ ปีเพื่อให้เม็ดเลือดขาว stay on guard at all times ภูมิต้านทานของทุกคนจะแตกต่างกันไป บางคนเลือดดี ก็จะมีภูมิฯ ป้องกันค้างอยู่ได้นาน ทางการแพทย์ได้ทดลองกับฝูงชนที่มีสุขภาพเลือดเป็นปกติ พบว่าภูมิฯ จะอยูในเลือดได้อย่างน้อย 6 เดือน อย่างมากกี่เดือนต้องรอไปว่าเกิน 6 เดือนไปแล้วไปวัดภูมิฯ ถ้ายังมีเหลืออยู่ก็โชคดีไป ส่วนคนที่เลือดไม่ดี ไม่สมบูรณ์ ฉีด vaccine เข้าไปเม็ดเลือดขาวอาจไม่ทำงานไม่ผลิต T cell หรือ B cell ก็ได้
สรุป – ตัวสำคัญที่จะกำจัดไวรัสได้คือ เม็ดเลือดขาว ในสายเลือดของแต่ละคน การฉีด vaccine เป็นแค่การ warm up เปรียบเหมือนรถในหน้าหนาวที่จะต้องอุ่นเครื่องก่อน เพื่อให้พร้อมที่จะ take off ได้ด้วยแรงสูงได้ทันที ถ้าไม่ warm up หนาวมาก อาจ start ไม่ติด ดังนั้นถ้าเราเชื่อใจในตัวเองเราเองว่าร่างกายสมบูรณ์ และมีเลือดดี จะไม่ฉีด vaccine ปล่อยให้ร่างกายได้รับเชื้อเข้าไปตามธรรมชาติทีละเล็กน้อย ปล่อยให้ blood white cell ทำงานเอง
การที่ร่างกายสมบูรณ์ สุขภาพดี ตลอดเวลาเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด อย่าทำให้เลือดเสีย Vaccine ไม่ใช่ตัวฆ่าเชื้อ เม็ดเลือดขาวของเราเองคืออาวุธสำคัญ พยายามรักษาตัวให้เลือดสมบูรณ์ หลายคนที่ฉีด vaccine ไปแล้วก็อยากรู้ว่าภูมิฯ จะอยู่นานไหม ทางแพทย์สามารถวัดภูมิฯ ภายในสายเลือด แต่มีค่าใช้จ่ายสูง และต้องรอผล 3-4 วัน พวกหมอจึงให้รอครบปีแล้วฉีดใหม่ เหมือนพวกวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฯ แต่ถ้าอยากรู้กันจริงๆ ก็ต้องทำ antigen test วัดระดับ antigen หรือซากศพของ bad cells หรือไวรัสที่ B cell ฆ่า และทิ้งไว้ในสายเลือด หากมีซากศพของไวรัสอยู่ก็แสดงว่าไวรัสเคยเข้ามาในสายเลือด เช่น คนที่เคยติด COVID มาก่อนแล้วหาย หากพบมีซากศพ virus อยู่เยอะ ทางการแพทย์จะถือว่าเม็ดเลือดขาวทำงานดีไม่จำเป็นต้องไปฉีด fake virus เข้าไปกระตุ้นเม็ดเลือดขาว
เราเกิดมา เราจะเลือกเอาเลือดกรุ๊ปไหนๆ ไม่ได้ พ่อแม่เป็นคนผสมเลือดให้เรามา เลือดแต่ละกรุ๊ปมีเม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดง แต่คุณภาพ และประสิทธิภาพของเม็ดเลือดขาวในแต่ละกรุ๊ปจะมีการทำงานแข็งแรงไม่เท่ากัน ข่าวออกมาว่า เลือด กรุ๊ป A เป็นกรุ๊ปที่อันตรายที่สุดตอนนี้ เพราะตามสถิติ คนเป็น COVID มากในพวกที่มีเลือด กรุ๊ป A
เหตุใดหน่วยงานภาครัฐจึงยังดึงดันที่จะบังคับใช้ TR-PCT test เป็น Gold Standard ในการวินิจฉัยผู้ติดเชื้อ Covid ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ และบ่อยครั้งที่สุดเท่าที่จะบ่อยได้ในบุคคลเดิม ทั้งที่เทคนิคนี้ได้รับการพิสูจน์อย่างกว้างขวางโดยนักวิทยาศาตร์และบุคลากรทางการแพทย์กว่าห้าหมื่นคนทั่วโลกแล้วว่าเป็นวิธีที่เชื่อถือไม่ได้ ให้ผลบวกลวง หรือ False Positive มหาศาลกว่า 90% และแม้แต่ Dr. Kary Mullis ผู้คิดค้นเทคนิคนี้เอง ยังยืนกรานออกสื่อหลายครั้งว่ามันไม่เที่ยงตรงและนำไปสู่การแปลผลผิดพลาดได้
❓เหตุใดจึงเลือกวิธีล่วงล้ำเข้าไปในอวัยวะของพวกเราอย่างมากทั้งที่สามารถทำได้ง่ายจากการตรวจวิเคราะห์น้ำลาย การสอดไม้ Swab เข้าไปกว้านลึกถึงเพดานจมูกสามารถสร้างความเสียหายต่อเนื้อเยื่อพังผืดที่ห่อหุ้ม Olfactory Nerve ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพและอายุขัยของมนุษย์ เนื่องจาก olfactory nerve เป็นปราการด่านหนึ่งในสองของกะโหลกศรีษะ ซึ่งเชื่อมระหว่างโพรงจมูกกับสมอง ที่ไวรัสและแบคทีเรียสามารถเดินทางข้าม blood-brain barrier เข้าสู่สมองได้ นอกจากนี้ olfactory nerve ยังเป็นเซลล์ชนิดเดียวในกะโหลกศรีษะที่มี stem cells เรียกว่า olfactory ensheathing cells ที่ล้อมรอบเซลล์รับกลิ่น olfactory sensory axons ส่วนที่ยื่นออกมาจากเซลล์ประสาท neuron ทำหน้าที่ส่งผ่านกระแสประสาทจากเซลล์ร่างกาย พวกมันทำหน้าที่ปกป้อง olfactory nerve และช่วยการสร้างเซลล์ใหม่เมื่อเกิดความบาดเจ็บเสียหาย (สเต็มเซลล์ชนิดนี้มีความพิเศษมากจนถูกนำไปใช้ในการซ่อมแซมไขสันหลังบาดเจ็บและรักษาโรคทางสมองหลายชนิดในการแพทย์ปัจจุบันอย่างประสบความสำเร็จ)
นอกจากนี้ olfactory ensheathing cells ยังช่วยเป็นภูมิคุ้มกันโดยกำเนิด เนื่องจากมันประพฤติตัวเป็น phagocytic กล่าวคือ จับกินและย่อยสลายเชื้อโรคได้ ดังนั้น มันจึงเป็นปราการสำคัญที่ช่วยป้องกันสมองโดยระบบภูมิคุ้มกันธรรมชาติของร่างกาย โดยเซลล์ประสาท Olfactory และ neuron bulb มีอายุขัย 4-8 เดือน ก่อนจะถูกแทนที่อย่างต่อเนื่องด้วย neuron stem cell อย่าง olfactory ensheathing cells มันช่วยส่งเสริมการอยู่รอดของเซลล์ประสาทและช่วยในการขยายตัวของ axon
📌จากงานวิจัยล่าสุด แสดงให้เห็นว่า หาก olfactory ensheathing cells สูญเสียความสามารถในการสร้างใหม่หรือซ่อมแซมตัวเองไป จะทำให้โอกาสการเสียชีวิตภายใน 5 ปี ในผู้ใหญ่วัย 57 – 85 ปี เพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 4 เท่าตัว การทำงานของ olfactory จึงเสมือนเป็นเครื่องทำนายความสามารถในการดำรงชีวิตภายใน 5 ปี เป็นสัญญาณเตือนเมื่อการสร้างใหม่ของเซลล์ช้าลง และใช้เป็นเครื่องบ่งชี้เมื่อมีการสะสมสารพิษที่สัมผัสจากสิ่งแวดล้อม Olfactory nerve ที่เสียหายเสมือนป้อมปราการสู่สมองถูกทำลาย ทำให้ง่ายต่อการถูกโจมตีด้วยสิ่งแปลกปลอมและส่งผลอันตรายถึงแก่ชีวิต
📌การ swab PCR เป็นระยะจะทำลายความสามารถในการสร้างใหม่ต่อ Olfactory nerve ทำให้เกิดการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรในผู้ใหญ่อายุ 57 – 85 ปี ซึ่งเป็นประชากรกลุ่มผู้สูงอายุ การทดสอบ PCR test มีบทบาทสำคัญในการสร้างความเสียหายครั้งแล้วครั้งเล่าต่อ Olfactory nerve ทำให้เกิดการติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
⏩ซึ่งยอดผู้ติดเชื้อนี้ได้ถูกนำไปสนับสนุนให้รัฐบาลยกระดับมาตรการต่อโรคระบาดยิ่งขึ้น เมื่อมีผู้ถูกทดสอบโดย PCR เพิ่มขึ้น เซลล์ป้องกันจึงถูกทำลายมากขึ้นและมีผู้ติดเชื้อหลากหลายชนิดเพิ่มขึ้นในครั้งต่อมา โดยจะถูกตีความต่อไปว่า เกิดการติดเชื้อจากไวรัสโควิดด้วยการเพิ่มจำนวน Cycle ใน thermal cycler จนกว่าเปอร์เซ็นต์จะเพิ่มจนให้ผลเป็นบวก เพื่อสรุปว่าเป็นโควิดตามต้องการ
📌อาจมีการโต้แย้งว่า การทดสอบ swab ช่องจมูกที่ถูกต้อง ควรกวาดเป็นมุมสูงไม่เกิน 30 องศา จากแนวระนาบเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสเส้นประสาทรับกลิ่น แต่ในตำแหน่งดังกล่าวนี้ ไม้ Swab จะไปไปสัมผัสเส้นประสาท Trigeminal แทน ซึ่งเป็น blood-brain barrier เข้าสู่สมองปราการที่สอง ️ส่งผลต่อการรับรสและการมองเห็น เป็นการทำลายประสาทรับกลิ่นและรส ไม้ swab ไม่จำเป็นต้องไปสัมผัสโดนจนก่ออันตรายต่อเซลล์ประสาท Trigeminal หรือ Olfactory โดยตรงเลย แค่ลำพังการสร้างความระคายเคืองต่อเยื่อเมือกในโพรงจมูก ก็สามารถส่งผลกระทบต่ออวัยวะทั้งระบบ Limbic เนื่องจากมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมาก สิ่งนี้สามารถอธิบายได้ว่าเหตุใดผู้ป่วยโควิดจึงสูญเสียการตอบสนองทางพฤติกรรมที่ควบคุมโดยระบบ Limbic เช่น การนอนหลับ ความเหนื่อยล้า การรับรู้ การปรับตัว การเคลื่อนไหว ความจำ เป็นต้น
📌นอกจากปลายของไม้ swab มีเขี้ยวขรุขระ ถูกออกแบบมาเพื่อขีดข่วนสร้างความเสียหายให้เยื่อยุผิวมากที่สุดแล้ว ประกอบกับวิธีการสอดที่ลึกและการหมุนที่กว้างอย่างรุนแรง ยังพบว่ามีการใช้สารเคมี ethylene oxide ที่รู้จักกันดีว่าเป็นสารก่อมะเร็ง ถูกนำมาใช้ในการฆ่าเชื้อใน PCR swab test อันตรายกับเยื่อเมือกโพรงจมูกซึ่งเป็นเนื้อเยื่อที่มีความไวต่อการแพ้ ร่วมกับมาตรการบังคับใช้ให้สวมหน้ากากอนามัยทั้งในที่ร่มและกลางแจ้ง จึงเป็นการเพิ่มจำนวนแบคทีเรียและไวรัสให้เข้าสู่สมองผ่าน Olfactory nerve และ Trigeminal neve ที่เสียหายให้มากยิ่งขึ้น
📌จากผลการศึกษาหลายร้อยชิ้น แสดงให้เห็นว่าภายใต้หน้ากากอนามัยเป็นแหล่งปนเปื้อนแบคทีเรียและเชื้อราจำนวนมาก เมื่อสวมใส่เป็นเวลานาน และหลายงานวิจัยยืนยันว่าการใส่หน้ากากอนามัยเป็นประจำ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาของระบบทางเดินหายใจสั้นลง และความเหนื่อยล้าอย่างมีนัยสำคัญ (P<0.05) ⏩ในหน้ากาก N95 ออกซิเจนลดลง 72%, คาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้น 82%, อาการปวดหัว 60%, ความบกพร่องของการหายในอุณหภูมิและความชื้นที่เพิ่มขึ้น 100%. 📌นอกจากนี้ หลายการศึกษาพบว่าการใส่หน้ากากอนามัย ไม่สามารถปิดกั้นการแพร่กระจายของละอองไวรัสได้อย่างสมบูรณ์แม้ขณะปิดสนิท จึงไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อ ในปี 2020 เด็กและวัยรุ่นส่วนใหญ่รอดพ้นการการทดสอบ PCR มีสุขภาพแข็งแรง และไม่มีอาการแสดงการติดเชื้อโควิดเลย กระทั่งปี 2021 เมื่อมีการทดสอบเชิงรุก พวกเขาก็เริ่มแสดงอาการ ที่เกิดจากโควิดทันที ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นการสร้างความเสียหายต่อสมองโดยจงใจ ความบกพร่องในการทำงานของศูนย์กลางการหายใจในสมอง Medula oblongata ก่อให้เกิดภาวะหายใจลำบาก Dyspnoea โดยที่ไม่มีการติดเชื้อหรือรอยโรคใดที่ปอด แต่เป็นความเสียหายทางสมองและระบบประสาท เราเรียบเรียงใหม่จากส่วนหนึ่งในบทความ PCR Tests and the Depopulation Program by Kevin Galalae, 10 October 2021 Cr: Ramone Jira
สำหรับคนฉีดวัคซีนโดยปกตินะครับของร่างกายเขาจะมีการขับพิษออกมาเรื่อยๆ นะครับ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้กินยาอะไรหรือว่าสมุนไพรอะไรก็ตามแต่ถ้าเกิดเราได้กินสมุนไพรเข้าไปหรือว่ายาบางตัวเข้าไปมันก็จะช่วยขับพิษออกไปได้เร็วยิ่งขึ้นแต่ในระหว่างที่ร่างกายกำลังขับพิษมันก็อาจจะมีอาการข้างเคียงออกมาได้เช่นว่าปวดหัวหนักกว่าเดิมเลือดออกมากกว่าเดิมเป็นไข้มากกว่าเดิม ระหว่างขับพิษอย่าถ้าเกิดเราดูแลตัวเองไม่ถูกจุดเนี่ยอาจจะถึงตายได้เลยนะครับเพราะฉะนั้นอาจจะต้องทำเป็น ขั้นตอน ไปแล้วก็ควบคุมดูแลโดยคนที่เชี่ยวชาญ ไอ้บริษัทยามันก็รู้ว่าวัคซีนและสารพิษมันอยู่ในร่างกายได้ไม่นานร่างกายต้องขับออกมันก็เลยต้องให้เรา ฉีดทุกๆ 6 เดือนหรือว่า 1 ปีไงครับ
นอกนั้นจากคำถามของคุณ ที่เขียนมาถามว่าทั้ง เวียนหัว ผื่นขึ้นตามตัว รอบเดือนมีสีคล้ำ และยอดฮิตก็คือเจ็บหน้าอก อาการพวกนี้มันก็เป็นอาการที่เป็นผลกระทบจากวัคซีน ร่างกายมันก็พยายามจะขับออก แต่ถ้าเกิดมันไม่ออก จะต้องใช้ตัวช่วย เช่นสมุนไพรหรือไม่ก็ยาอะไรต่างๆ ถามว่ามีโอกาสหายไหม โอกาสมันก็มีครับ แต่ถ้าเกิดให้หมด 100 เปอร์เซ็นต์มันคงไม่หมด ให้สังเกตว่าบางคนอยากถึงแม้ว่าไม่ได้กินยาอะไรก็หายเองภายในอาทิตย์สองอาทิตย์หรือไม่ก็เป็นเดือน เพราะฉะนั้นอาการที่กล่าวมานี้คำตอบก็คือ คงไม่เป็นจนตายหรอกครับ คงเป็นชั่วคราวแต่ว่าชั่วคราวอาจจะยาวเป็นหลายๆเดือนสิ่งที่แก้ไขย้อนกลับได้ และไม่ได้
— S1 Protein พิษ
-1.1) หากเป็น Product (วัคซิน) เชื้อเป็น หรือ เชื้อตาย สามารถลดล้าง S1 Protein พิษได้
-1.2) หากเป็น Product Gene Therapy สามารถลด S1 Protein พิษได้ แต่หากร่างกายที่ถูกโปรแกรมให้สร้างมันยังผลิตต่อไป ซึ่งยังไม่มีงานวิจัยใดตอบได้ ว่าจะหยุดหรือไม่ เมื่อไหร่ ยังไงก็จะไม่หมด
— โลหะหนัก สารอื่นๆ กรณีของโลหะหนัก ที่มีการแจ้ง หรือ ไม่ได้มีการแจ้งว่าอยู่ในส่วนผสมที่อาจมี โดยได้มีการพบ เช่น Iron (Fe) Chromium (Cr) Nickel (Ni)
– สามารถลดพิษได้
— สิ่งแปลกปลอมอื่นที่อาจมี เช่น Nanobot (ได้มีการพบวัตถุลึกลับ ในทุก Product ที่เครือค่ายกลุ่มแพทย์เยอรมันได้ตรวจ ซึ่งมีลักษณะคลาย Nanobot โดยแม้ไม่ได้มีการตรวจวัคซิน Product เชื้อตายแต่เนื่องด้วยมีการพบว่าสามารถก่อ magnetism ได้เช่นกัน จึงต้องมองว่ามีความเป็นไปได้ที่จะไม่ต่างกัน)
– ไม่เป็นที่ทราบ
— Antibody ด้อยคุณภาพที่ในอนาคตอาจก่อ Antibody Dependent Enhancement (ADE) ช่วยเชื้อเข้าทำร้ายเซล์ลเอง ทำให้หนักกว่าเดิม
– ไม่สามารถย้อนกลับ
— Anaphylaxis การที่การรับครั้งต่อไป จะทนพิษได้น้อยกว่าครั้งแรก เนื่องด้วยเป็นโปรตีนพิษ
– ไม่สามารถย้อนกลับ
— ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับหัวใจ สมอง ปอด
-ไม่สามารถย้อนกลับ
— ภูมิคุ้มกันเดิมทำงานบกพร่อง
-ไม่เป็นที่ทราบ (ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยที่าให้บกพร่อง)
โดยสังเขป หลายสิ่งหลายอย่างไม่ได้จะแก้ไขย้อนกลับได้หากรับไปแล้ว ในส่วนที่สามารถลดแก้ไขได้ ต่อไปนี้นี้เป็นที่ทราบ โดยผ่านการทดลองมาแล้วว่ามีประสิทธิภาพในการต้านลดล้างพิษ
(A) S1 Protein พิษ
– ควรขจัดออกให้เร็วที่สุด เพื่อให้ก่อความเสียหายน้อยที่สุดแก่อวัยวะ
– Aspirin ลดความข้น ละลายลิ้มเลือด
– Zinc + Ivermectin & Quercetin ขจัด S Protein พิษ (หรือ Hydroxychloroquine/ EGCG)
– Vitamin D3 Vitamin C
– ฟ้าทลายโจร หอมแดง (Quercetin) ขจัด S Protein พิษ
(B) โลหะหนัก สารพิษอื่น ๆ
– รางจืด
– ขมิ้นชัน กระเทียม มะขามป้อม
– Borax/ Boron
(C) ในกรณีที่ยังไม่ปกติ หรือเป็น Product Gene Therapy และมีแนวโน้มว่ายังผลิต S1 Protein พิษอยู่ หรือรู้สึกตัวเองภูมิต่ำ
– Chlorine Dioxide Solution (CDS)
ยาสมุนไพรก็มีให้เลือกนะครับที่ยอดฮิตตอนนี้ก็พวกรางจืด เป็นหลักแต่จะเอาตัวเสริมแทนก็พวกตะไคร้ใบเตยกินเสริมด้วยก็ได้ และก็กินอย่างที่คุณโจ้บอกกันด้วยก็ได้ เช่น กิน Ivermectin, Quercetin, Gltuathione แต่ว่าตัวพวกนี้มันค่อนข้างจะหายากหน่อย ตามร้านขายยามันก็มีแต่มันมีไม่ครบทุกตัว ivermectin กับ quercetin จะหายากหน่อย
โดยทั่วไปแล้วเท่าที่รู้มาอ่านในคอมเม้นจากในคลิปต่างๆ และถามคนที่ทำงานโรงพยาบาล เภสัชกร และแพทย์แผนไทย ทุกคนบอกคล้ายๆ กันว่าแค่รางจืดก็พอเอาอยู่นะครับ แต่อาจจะซื้อตัวอื่นด้วยก็ได้ ถ้าจะให้ดีขึ้นลองดูเพิ่มเติมกินช่วยด้วยก็ดี
– vitamin c + bio flavonoids
– Zinc
– Vitamin D3
– Vitamin c ควรกินร่วมกับ bio flavonoids นะครับ เพื่อช่วยเรื่องการดูดซึม ถ้าในไทยก็เป็นยี่ห้อ blackmore กับยี่ห้อ Nat C 1000mg
กรณี Chlorine Dioxide Solution ของ D-water ไม่เหมือนกันนะครับ มีสารตกค้าง แม้เจือจางก็อาจทำให้กัดท้องได้
สรุปง่ายๆ มีขั้นตอนการทำดังนี้
สำหรับ DC FINE CHEMICALS™ SODIUM CHLORITE ลองหาดูที่นี่
— คลิ๊กดูยารักษาโควิดเพิ่มเติมได้ที่นี่ —