ดื่มน้ำขิงร้อนกับมะนาว ต้าน covid ได้จริงหรือ??? เรามาเข้าใจธรรมชาติของ covid ก่อนครับ ตัวมันไม่ใช่เชื้อรุนแรง ไม่ใช่ ติดแล้วลงปอด กินปอดทันที คนเป็นก็ตายทันที คนที่ตายเพราะร่างกายอ่อนแอจริงๆ และไม่ใส่ใจรักษาตนเองจริงๆ รอตรวจ… รอหมอ… รอยา… รอวัคซีน… และรอจบชีวิต ถ้าเราไม่รอ…และรีบลุกขึ้นรักษาตนเองก็รอด ร่างกายคนเราเมื่อภูมิต้านทานลด ร่างกายจะสร้างเมือกหรือน้ำมูก ในระบบทางเดินหายใจ เพื่อจับเชื้อโรคไว้ไม่ให้ลงปอด เชื้อมันจะต้องอาศัยเพาะตัวอยู่บริเวณลำคออย่างน้อย 4 วัน ร่างกายเราจึงพยายามสู้ด้วยการทำให้ไอหรือจาม เพื่อขับมันออกไป 4 วันนี้คือช่วงเวลาทองของเราที่จะฆ่าโควิด ทำลายมันก่อนที่จะแพร่เชื้อไปที่ปอด ให้เรานำขิงมา 1 แง่ง ทุบใส่ในกาน้ำร้อน มะนาว 3 ลูก ผ่าครึ่ง ใส่ลงไปทั้งเปลือก กดน้ำร้อนดื่มต่างน้ำทั้งวัน น้ำขิงร้อนจะทำให้เกิดการไหลเวียนของเลือดและภูมิต้านทานมาที่ลำคออย่างต่อเนื่อง เชื้อโควิคจะไม่สามารถขยายตัวและถูกทำลาย รสเปรี้ยวของมะนาว ช่วยทำลายเสมหะที่เกาะอาศัยของโควิค เมื่อแนวทางเดินหายใจแห้ง โควิคจะอยู่ไม่ได้และแพร่กระจายไม่ได้ มันจะถูกทำลายและหยุดการแพร่กระจายในที่สุด รสขมจากเปลือกมะนาวกระตุ้นให้ตับเกิดการสร้างเลือดและภูมิต้านทาน การดื่มน้ำร้อน ขิง ช่วยให้ภูมิต้านทานทำงานได้ดียิ่งขึ้น เข้าโจมตีเชื้อโควิดได้อย่างรวดเร็ว ถ้าเรารักษาตัวเองได้เร็วเช่นนี้ เชื้อโควิดจะตายและหยุดการแพร่เชื้อทันที การระบาดไปสู่คนรอบข้างและครอบครัวก็จะไม่เกิดขึ้น ถ้ามัวรอตรวจหรือไปหาหมอรอรักษาโรงพยาบาลอาจสายเกินไปครับ
ความสำเร็จเบื้องต้น พบว่า “สารสกัดกระชายขาว” มีฤทธิ์ต้าน COVID-19 ในหลอดทดลอง นักวิจัย ม.มหิดล เร่งพัฒนาสารสกัดกระชายขาวเพื่อใช้เป็นยาสำหรับโรค COVID-19 คาดว่าใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปี ในการวิจัยและพัฒนาให้สำเร็จ โดยโครงการวิจัยต้านเชื้อไวรัสโคโรนาจากสมุนไพรไทย เป็นความร่วมมือระหว่าง คณะวิทยาศาสตร์ ม.มหิดล คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ม.มหิดล และศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) หรือ TCELS ขณะนี้งานวิจัยกระชายขาวอยู่ในขั้นตอนการศึกษาวิจัยในคน หากมีความคืบหน้าหรือข้อมูลเพิ่มเติมขอให้ติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์ของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
สถาบันวิจัย ม.มหิดล เผยว่า พบสารสกัดสำคัญ 2 ตัว Pandulatin A และ Pinostrobin ใน “กระชายขาว” สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัส และป้องกันได้ ด้วยสุดยอดนวัตกรรมใหม่ล่าสุดจาก “BioProud” กระชายขาวสกัดเข้มเข้น พร้อมรวมวิตามินไว้ในเม็ดเดียว เพียงทานวันละ 1-2 เม็ด ก็สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้เต็มประสิทธิภาพ 100% ป้องกันไว้ก่อนไม่ต้องรอให้เป็น ที่สำคัญเป็นสูตรแพทย์วิจัยได้การรับรองการผลิตตามระบบ GMP และ HACCP ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับสากล สกัดจากธรรมชาติ 100% สามารถทานเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีการตกค้าง เลข อย. 52-1-08559-5-0047 BioProud บำรุงปอด สร้างภูมิต้านทาน By ดร.อลิช 061 459 1524 คลิ๊กเข้า Facebook BioProud ได้ที่นี่
ฟ้าทะลายโจร (เฉพาะใบ) อจ.ปานเทพ หมอแวร์ “คุณภาพดียิ่งกว่าเดิม” ไม่ต้องจองและพร้อมส่งทันที (ติดต่อด่วนก่อนหมด เพราะผลิตได้จำนวนจำกัด) เรายึดหลักที่ว่าไม่ว่าสินค้าจะขาดแคลนหรือล้นเพียงใด เราจะมุ่งมั่นและตั้งใจผลิตด้วยคุณภาพดีเท่านั้นให้กับผู้บริโภค ดังนั้นจึงไม่ใช่แค่การคัดเลือก “เฉพาะใบ” ฟ้าทะลายโจรเท่านั้น แต่ยังเป็นใบฟ้าทะลายโจรบรรจุแคปซูลคัดเกรดคุณภาพและต้องเก็บเกี่ยวในเวลาที่ถูกต้องเพื่อให้ คุณภาพที่ดี บรรจุแคปซูลเร็วที่สุด จึงยังคงได้ “สีเขียวเข้ม” กว่าฟ้าทะลายโจรตามท้องตลาดทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด ข้อสำคัญรุ่นล่าสุดที่ผลิตออกมามี “คุณภาพดีกว่าเดิมขึ้นไปอีก” ทั้งด้วยการวิจัยและพัฒนาจนได้รายงานผลแลปดีกว่าเดิมอย่างชัดเจน ใกล้เคียงกลุ่มสารสกัดมากขึ้น ทั้งๆ ที่เป็นใบฟ้าทะลายโจรตามธรรมชาติ สนใจฟ้าทะลายโจร (เฉพาะใบ) เขียวเข้มธรรมชาติ ตรา อ.ปานเทพ หมอแวร์ ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
1.กรุงเทพแพทย์แผนบูรณาการสหคลินิก Bim Clinic สีลม ซอย9
☎️โทร 02 115 6619 และ 066 043 8888
หรือเพิ่มเพื่อนใน Line แล้วพิมพ์คำว่า @ima8888
หรือ กด https://lin.ee/ySOcNRm
แล้วแจ้งว่าต้องการฟ้าทะลายโจรเฉพาะใบของ อาจารย์ปานเทพ
2.MW Clinic ถนนรัชดาภิเษก
☎️โทร 022765093, 022765094
3. ร้านพอดี Shop ถนนพระอาทิตย์
☎️โทร 026294600, 0658471222
🌈LINE@:@pordeeshop
หรือ https://line.me/R/ti/p/%40pordeeshop
4.พอดีCall Centre
☎️โทร 026335353
คลิ๊กทีนี่เข้าไปดู Facebook ฟ้าทะลายโจร อจ.ปานเทพ หมอแวร์
มหาวิทยาลัยแม่โจ้ร่วมมือกับบริษัทเอกชน พางานวิจัยนวัตกรรมฟ้าทะลายโจรสกัดแบบใหม่ เน้นปลอดสารเคมี กักเก็บสารอาหารครบถ้วน ดูดซึมง่าย ส่งประกวดออกไปทั่วโลกคว้า 3 รางวัลเหรียญทองระดับนานาชาติ รองศาสตราจารย์ ดร.ฐิติพรรณ ฉิมสุข นักวิจัยและอาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ร่วมกับ บริษัท เอฟแอนด์บีออแกนิคส์ จำกัด ได้ศึกษาวิจัย พัฒนานวัตกรรมการสกัดแบบใหม่ขึ้น โดย ภูมิภพ พิทักษ์กวานสกุล ผู้เชี่ยวชาญสมุนไพรจาก บริษัท เอฟแอนด์บีออแกนิคส์ จำกัด เล็งเห็นถึงข้อด้อยของการผลิตสมุนไพรไทยแบบเก่าที่นำมาตากแห้ง หรืออบ แล้วบด บรรจุแคปซูล กระบวนการดังกล่าวยังไม่สามารถดึงศักยภาพสูงสุดของพืชสมุนไพรออกมาได้ เพราะร่างกายของผู้บริโภคมีประสิทธิภาพในการ “ย่อยและดูดซึม” สารอาหารได้ไม่เท่ากัน ทำให้แต่ล่ะคนที่ทานสมุนไพรได้ผลลัพธ์แตกต่างกัน ในคนที่ร่างกายไม่แข็งแรงจะทานสมุนไพรแล้วไม่ค่อยเห็นผล
นอกจากนี้ผู้ผลิตบางรายยังมีการใส่สารกันบูด สารกันความชื้น หรือเปลือกแคปซูลเองที่เป็นสารเคมี เพื่อยืดอายุของเม็ดยาสมุนไพรในขวด ดังนั้นเมื่อผู้บริโภคทานสมุนไพรเข้าไปจึงได้รับสารเคมีในเวลาเดียวกัน หากทานต่อเนื่องระยะยาวจะทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อตับ และไต
ตั้งการ์ดรับมือเชื้อไวรัสด้วยยาเม็ดฟ้าทะลายโจร ตราแอนโดร (Andro) ช่วยส่งเสริมการต้านไวรัสในร่างกาย เพราะเราไม่มีหมอติดบ้าน การดูแลและรักษาตัวเองให้ปลอดภัยในจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในช่วงเวลานี้ แอนโดร (Andro) ยาเม็ดฟ้าทะลายโจรที่มีสารออกฤทธิ์สำคัญถึง 4 ชนิด ได้แก่ Andrographolide, Neoandrographolide, 14-Deoxyandrographolide, 14-Deoxy-11, 12-Didehyandrographolide โดยใน 1 เม็ดมีสารแอนโดรกราโฟไลด์ (Andrographolide) ประมาณ 18,000 ppm หรือเทียบเท่า 9 มิลลิกรัม/เม็ด ด้วยเทคโนโลยีการผลิตแบบ Bio-Botanical Dynamic Technology เก็บสารอาหารไว้ครบถ้วน ง่ายต่อการดูดซึม ปลอดภัยจากสารเคมีในกระบวนการผลิต ปราศจากเชื้อราและแบคทีเรีย คลิ๊กทีนี่เข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติม ANDRO ฟ้าทลายโจรสกัด
Q: การรับประทานฟ้าทะลายโจรต่อเนื่องติดต่อกันเป็นอันตรายหรือไม่?
A: การใช้ฟ้าทะลายโจรขนาดที่ใช้ในคน มีความปลอดภัยสูง โดยมีการศึกษาความเป็นพิษกึ่งเรื้อรังของผงฟ้าทะลายโจรในหนูขาว 2 เพศ เป็นระยะเวลา 6 เดือน โดยให้ยาในขนาด 0.12, 1.2 และ 2.4 กรัมต่อน้ำหนักหนู 1 กิโลกรัม (เทียบเท่ากับ 1, 10 และ 20 เท่าของขนาดที่ใช้ในคน คือ 6 กรัมต่อวัน) พบว่า หนูทุกกลุ่มมีการเจริญเติบโตปกติ ไม่พบความผิดปกติทางโลหิตวิทยาหรือชีวเคมีของเลือด รวมทั้งลักษณะภายนอกหรือน้ำหนักของอวัยวะภายใน จุลพยาธิสภาพภายในร่างกาย (นาถฤดี สิทธิสมวงศ์ และคณะ พิษเฉียบพลันและกึ่งเรื้อรังของฟ้าทะลายโจร ไทยเภสัชสาร 2532, 14, 109-118.)
คำแนะนำ: วิธีประทานยาเม็ดฟ้าทะลายโจร ตราแอนโดร (Andro)
สำหรับผู้ที่เป็นไข้ ติดเชื้อไวรัส หรือรู้สึก ครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะเป็นไข้ ให้รับประทานครั้งละ 4 เม็ด ทุกๆ 1 ชั่วโมง จนไข้ลด (เฉลี่ยแล้วจะใช้เวลา 3-4 ครั้ง) หลังจากนั้นรับประทาน 3 เม็ด เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน จนหาย
สำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน หรือต้องการลดน้ำตาลในกระเเสเลือด ให้รับประทาน 3 เม็ด เช้า กลางวัน เย็น
บำรุงดูแลสุขภาพ แนะนำรับประทาน 2-3 เม็ด เช้า เย็น ช่วงที่มีความเสี่ยงสูงแนะนำรับประทาน 3 เม็ด เช้า กลางวัน เย็น
แอนโดร (Andro) ยาเม็ดฟ้าทะลายโจร ทะเบียนยาเลขที่ G721/53 1 ซองบรรจุ 60 เม็ด ราคาซองละ 380 บาท ฟรีค่าจัดส่งทั่วประเทศ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสนใจสั่งซื้อได้ที่ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ Tel 0 5387 3803, 08 0500 7864 และ 08 1960 3017 (จ.-ศ. 8.30-16.30 น.) คลิ๊กทีนี่เข้าไปดู Facebook: ฟ้าทะลายโจร Andro ผลงานวิจัยร่วม F&B Organics และมหาวิทยาลัยแม่โจ้ Line@: @fahtalaijonebymju
ยาเคอร่า (KERRA) เป็นยาแผนโบราณชนิดแคปซูล ที่ผลิตโดย เวชกรโอสถ โรงงานผลิตยาที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน GMP, ISO9001 และ HALAL ยาเคอร่าได้ผ่านการขึ้นทะเบียนตำรับยาแผนโบราณถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2557 ตามเลขทะเบียนที่ G40/57 โดยใช้ชื่อว่า “ยาแคปซูล เคอร่า” ตัวยามีลักษณะเป็นผงสีดำ บรรจุในแคปซูล ตำรับยาเคอร่า มีส่วนประกอบสำคัญเป็นสมุนไพรหลายชนิด ได้แก่ แก่นจันทน์แดง แก่นจันทน์ขาว หัวคล้า รากฟักข้าว รากมะนาว รากสะแก รากกระทุงหมาบ้า เถาย่านาง บอระเพ็ด และสมุนไพรอื่นๆ กรณีทานเพื่อป้องกันครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 2 ครั้ง ก่อนอาหารเช้า และ ก่อนนอน กรณีติดเชื้อโควิด ทานครั้งละ 1-2 แคปซูล วันละ 4 ครั้ง ก่อนอาหารและก่อนนอน
สำคัญ: ต้องเคี้ยวแคปซูลให้แตกทุกครั้ง ค่อยๆกลืนผงยาผ่านลำคอ พยายามให้ผงยาอยู่ในลำคอนานที่สุด ดื่มน้ำอุ่นตามห้ามทานน้ำเย็น คลิ๊กติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซ้ kerraherb
穿心蓮 ชวนซินเหลียนคือฟ้าทะลายโจรจีนก้าวเร็วกว่าไทยเข้ามาจำหน่ายในไทยแล้ว
ยาจีนป้องกันโควิด
คลิ๊กช่องทางการจำหน่ายยาจีน Lianhua เพิ่มเติมได้ที่นี่
ยาพ่นคอของจุฬา P80 plus spray คิดค้นโดย ศ.ภญ.ดร. พรอนงค์ อร่ามวิทย์ ภาควิชาเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ใช้สำหรับพ่นคอ ป้องกันไวรัสเกาะ ป้องกัน Covid ป้องกันภูมิแพ้ มีจำหน่ายแล้ว ที่จุฬาเภสัช 02 233 5105 ขวดละ 150 บ. และ ที่ร้านเพชรรัต ศิริราช จันทร์ – เสาร์ เวลา 08.30 – 17.30 น.โทร 087 191 1917 สั่งซื้อโอนเงินส่งถึงบ้าน ขวดละ 285.-ปริมาณ 20 CC พ่นใส่ปาก 1 ครั้งอยู่ได้ 1 วัน 1 ขวด ใช้ได้ 1 เดือน Line ID: @diamondpharmacy สั่งซิ้อทางเพ็ชรรัตน์เภสัช Facebook คลิ๊ก
สถานที่จำหน่าย บริษัท ไวกัลไลฟ์ ช๊อบ ชั้น M อาคาร B รพ บำรุงราษฏร์ 8.00-17.00 โทร 063 223 8686
ข้อมูลเพิ่มเติมดูที่ website ไทยธรรม อัลไลแอนซ์
Facebook Thaidham Allianze ผู้นำนวัตกรรมสุขภาพ และความงาม
หาได้ตาม ร้านค้าสวัสดิการ รพ ศรีนครินทร์, ร้านยา exta ในเซเว่น อีเลฟเว่น, ร้าน pure ในห้างบิ๊กซี, ร้านยาในห้างโลตัส
Story of Ivermectin – Dr. Pierre Kory แนะนำให้คุณรู้จักกับสารคดีเชิงประวัติศาสตร์เกี่ยวกับ Ivermectin ในวิดีโอนี้ คุณจะค้นพบความจริงเกี่ยวกับต้นกำเนิดของไอเวอร์เม็กติน ผู้กำกับเอเดรียน อูร์ซูเดินทางย้อนเวลากลับไปเพื่อแบ่งปันข้อเท็จจริงเกี่ยวกับต้นกำเนิดตามธรรมชาติและที่มาของชื่อ “ยามหัศจรรย์” รับข้อมูลเบื้องหลังด้วยการสัมภาษณ์พิเศษกับผู้กำกับโดย FLCCC Betsy Ashton ดูสารคดีเชิงประวัติศาสตร์ Story of Ivermectin
คลิ๊ก download CDS Manual Chapt 1 ในรูปแบบ pdf
วิธีการทานก็ผสมน้ำ 1 ลิตร ต่อ 10 ml โดสป้องกัน และ 30 ml โดสรักษา แต่ไม่เกิน 50 ml
เครดิต: ป้องกันรักษาโควิดทางสายกลาง Roong@telegram
– 1. คนไทยรู้ทันวัคซีน
– 2. วัคซีน (side effect) กรณี ผู้มีอาการหลังฉีดวซ
– 3. ปีองกันรักษาโควิดทางสายกลาง
– 4. คนไทยตื่นรู้
สรุป…คุณหมอสิทธิ์ทำงานด้านวิจัยอยู่ศูนย์แพทย์และรักษาคนไข้ covid ด้วยได้อธิบายการระบาด ของเชื้อไวรัส covid-19 ว่าเป็นอุบัติการณ์ใหม่ซึ่งถ้าต้องการวิจัยยา. ที่จะมารักษาโดยตรงต้องใช้เวลาทั้งหมด 10 ถึง 15 ปี ถึงจะพิมพ์ลงวารสารออกมาเผยแพร่และใช้ได้ เพื่อความเร่งด่วนทางวงการแพทย์จึงใช้วิธีที่เรียกว่า Drug Repurposing to COVID-19 วิธีการนี้คือการใช้ยาเก่าใน. วัตถุประสงค์ใหม่ โดยนำยาเหล่านั้น มาทดลองในหลอดทดลองและศึกษาว่าการทำงานของยาเหล่านั้น และการศึกษาวิธีการว่าไปบล็อคส่วนไหนของไวรัสแล้วก็มาใช้วิธีคำนวณ ที่เรียกว่า Incilico study โดยได้ทำการศึกษากับยาที่ใช้รักษา SARS- CoV2 พบว่าในกรณีNon- Structure Protien และ Structure protein นั้นไวรัสมีวิธีการหลบเลี่ยงภูมิต้านทาน และวัคซีนได้ พวกสไปรท์โปรตีน รายการทดลองทาง rappid test ก็จะไม่พบเชื้อในช่วงแรกมีการแบ่งตัว ของโปรตีน S ในเซลล์ โดยการที่เชื้อไวรัสเข้าไปในเซลล์และรบกับนิวเคลียสของเซลล์นั้นแล้วปล่อย genome ออกมาแล้วมีการสร้าง เยื่อ หุ้มเซลล์ใหม่เพื่อจะเจาะเข้าสู่นิวเคลียสของเซลล์ข้างเคียงได้ เพิ่มจำนวนและกระจายตัว รวดเร็วแบบทวีคูณ
ข้อสำคัญในการติดเชื้อช่วงแรก ร่างกายจะมี Immune ต่างๆชักนำ กำจัดเซลล์ที่ติดเชื้อ เชื้อจะหลบหลีก จนภูมิต้านทานไม่สามารถจับเชื้อได้โดยเฉพาะคนที่มี ความชราภาพของระบบอิมมูน เช่น คนที่เป็นเบาหวาน มีโรคประจำตัว หรือมีการทานยาแก้อักเสบบ่อยๆ ร่างกายต้องสัมผัสกับการกินหวาน กินของทอด สัมผัสกับโลหะหนัก หรือโรค HIV เป็นต้น ทำให้เกิดความอ่อนล้าของเม็ดเลือดขาว เซลล์อ่อนล้า ผลิตออโต้อิมมูน จะมา Block เชื้อไวรัสเกิดได้น้อยโดยเฉพาะในผู้สูงอายุคนไข้เบาหวาน หรือภาวะภูมิต้านทานบกพร่อง ทำให้เชื้อลงปอดได้ง่าย ทหารด่านหน้าพวก NK Cell จะยังไม่สามารถ detect เซลล์ติดเชื้อได้ทำให้เชื้อกระจายเร็ว จะมี viral load สูง ในคนสูงอายุและภาวะภูมิต้านทานต่ำ ทำให้เชื้อกระจายเร็วและลงปอดได้จึงต้องบล็อคตั้งแต่ด่านแรก
ต่อไปมาดูภาวะ inflamation การใช้ยาของโดนัลด์ทรัมป์ใช้แอนติบอดีเทียม ผลิตยาที่ไป Block Cell โปรตีนไม่ให้จับกับเซลล์ของไวรัสลดการอัตราการนอนโรงพยาบาล และอัตราตายในประเทศไทยไม่ค่อยใช้แต่ก็ยังได้ผลอยู่ในการลดอักเสบ
โดยด้านอาหารคือ cumin พวก antiseptic ต่างๆ เช่น Nasal Sprey Anticeptic ซึ่ง อย ไทยห้ามใช้ หมอเห็นว่าควรจะใช้กับบุคลากรด้านหน้า หรือกลุ่มที่ต้องทำหัตถการใส่ Tube ในคนไข้ใช้ก่อนและหลังทำ จะสามารถป้องกันการ infections ช่วยได้ ระยะยาวอาจไม่ดี ก็สามารถใช้วิธียาอมฆ่าเชื้อโรคด้วย
ยาตัวต่อไปคือไอเวอร์เมคติน ซึ่งยาตัวนี้จากการทดลองทดสอบมาแล้วสามารถไปบล็อคในขณะที่จีโนมจะเข้าสู่เซลล์นิวเคลียสที่อยู่ข้างเคียงได้ เดิมเป็นยาถ่ายพยาธิที่ใช้กันแพร่หลายมาแล้ว และใช้ในคนกรณีพยาธิทำให้ตาบอดในแอฟริกา mechanism ของยาก็จะช่วยลด information และภาวะไซโตไคน์ Strom ได้ ลดโอกาสที่เชื้อจะแพร่กระจายเร็วและการป่วยหนักและลดอัตราการตายได้ ใช้มากในแอฟริกาอินเดีย หมอใช้ในโรงพยาบาลที่ระบาดหนัก ใช้กับบุคลากรทางการแพทย์ โอกาสติดเชื้อน้อยลงสามารถใช้ในระดับป้องกันได้ด้วย เพิ่งมี study ใหม่ในอเมริกาลงในเจอหน้าเมื่อเดือนเมษายนปีนี้ 2564 และใช้ทั่วไปในประเทศอียิปต์บังคลาเทศอิรักเปรู ซึ่งมีการระบาดของพยาธิ สังเกตว่า ขณะที่เชื้อ covid-19 ระบาดนั้นกลุ่มประชากรที่รับประทานยาตัวนี้อยู่จะติดเชื้อน้อยและไม่มีอาการหนักจะหายได้เร็วข้อสังเกตนี้ทำให้ประเทศเหล่านั้นใช้ไอเวอร์เมคตินมากขึ้นจนสามารถลดอัตราการตายได้ทั่วไป ตัวหมอสิทธิ์เอง ทานไอเวอร์เมคตินในระดับป้องกันและใช้กับทั้งครอบครัวเคยรักษาคนไข้มาแล้ว 100 กว่าราย อย ไทยจะเขียนว่าไม่แนะนำและมี study ออกมาว่าไม่ได้ผล ซึ่งหมอสิทธิ์ไม่เห็นด้วยเพราะการ study นั้นใช้ dose ที่ต่ำและประชากรไม่เพียงพอ อินเดียเองมีอยู่ร้านนึงให้ประชาชนทุกคนกินพร้อมกัน เกิดการเปรียบเทียบว่ารัฐที่ให้กินไอเวอร์เมคตินแบบพร้อมเพียงกันแล้วยอดการติดเชื้อ ลดลงลดอัตราการตาย และมีการใช้ยาตัวอื่นๆคือ โปรตีน ฟ้าทะลายโจร ซึ่งไปบล็อกโปรตีนของไวรัสได้ ลดอัตราเสี่ยงของการเป็นปอดอักเสบ
เป้าหมายที่บล็อกเอ็นไซม์ของไวรัสไม่ให้แบ่งตัว หัวข้อต่อไปที่ควรจะทำควบคู่คือการแก้ไข ระดับภูมิต้านทาน ammonification โดยการทำ NK Cell therapy ซึ่งจะดีมากลดอัตราการตาย และการใช้เลือด จากสายสะดือเด็กที่ทำให้บริสุทธิ์แล้ว ฉีดเข้าไป ซึ่งทดสอบแล้วร่างกายไม่ต่อต้าน เรื่องต่อไปคือกิโมโนโมดูเลเตอร์ nearest สารที่กินเข้าไปแล้วจะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานได้แก่เห็ดกรีนทีสกัด Vitamin D 5000 IU โสม ginseng ทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น โยเกิร์ต ทานผักครึ่งหนึ่งและอย่างอื่นครึ่งหนึ่ง ดูแลลำไส้ ไม่ให้มีสารพิษไม่กินยาแก้อักเสบบ่อย. และไม่นอนดึกจะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานป้องกันการแพ้วัคซีนได้ ซิงค์สังกะสีมีความสำคัญเพิ่มภูมิต้านทานลดการติดเชื้อ อีกวิธีนึงคือ Ozone therapy เพิ่มภูมิต้านทาน ได้รับ study แล้วว่าปลอดภัยสูง เช่นในยุโรปสเปน บทบาทของสเต็มเซลล์ ในกรณีคนไข้หนัก จะต้องรักษาโดยให้ออกซิเจน High Flow และ prednisolone และยากดภูมิ ยาที่แนะนำให้ใช้เสริมก็คือในระดับป้องกัน ฟ้าทะลายโจรสารสกัดจากเห็ดจากแกนสับปะรดไอเวอร์เมคตินซึ่งไปบล็อก genome ไม่เข้าสู่ Nucleus ของเซลล์ที่ติดกัน ในขณะที่ช่วงนี้เป็นช่วงระบาดเหมือนช่วงสงครามอะไรช่วยได้ไม่มีอันตรายต้องหยิบมาใช้ ดีกว่าเสียใจทีหลัง
ในการกินไอเวอร์เมคตินระดับป้องกันนั้น ให้กินสัปดาห์ละ 1 เม็ด ติดต่อกันไปในพื้นที่เสี่ยงสูงให้เพิ่มเป็นสัปดาห์ละ 2 เม็ด และ ทานวิตามินเสริมวิตามิน D3 5000 IU Zinc สังกะสี 50 mg วิตามินซี 2000 mg เซเลเนียม 200 fumira 1-2 กรัมต่อวัน Cucumin1000 -1500 มิลลิกรัมต่อวัน ฟังคุณหมอให้ความรู้ทางวิชาการ เกี่ยวกับกลไกการทำงานของ Ivermectin ในการรักษา Covid-19 อย่างละเอียด….
“วัคซีนใบยา” ฝีมือคนไทยป้องกันรับมือไวรัสมรณะ “โควิด-19” ตั้งไข่มานานแล้วกำลังจะทดสอบในคนระยะที่ 1 เดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ หลายคนอาจจะตั้งคำถาม…วันนี้โลกมีวัคซีนมากมายหลากหลาย ขณะที่ประเทศไทยเองก็มีการนำเข้าวัคซีนมาเรื่อยๆ ถึงวันนั้น “คนไทย” คงจะได้รับการฉีดวัคซีนกันถ้วนทั่วไปแล้ว วัคซีนใบยา…จะล้าสมัยไหม?
เท่าที่คุยกันเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา “วัคซีนใบยา” จะใช้เป็นวัคซีนเจเนอเรชัน 2 หมายถึงว่า…วัคซีนใบยาจะมีความสามารถป้องกันไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ประหลาดๆรุนแรงอย่างสายพันธุ์แอฟริกาได้ ไวรัสปรับตัวมีพัฒนาการไปเรื่อยๆ ขณะเดียวกันเราก็สามารถปรับเปลี่ยนวัคซีนใบยาของเราได้ให้เท่าทัน ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หรือ “หมอดื้อ” คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายว่า ในทางเทคนิคถ้าเราเลือกรหัสพันธุกรรมของตัวที่เราต้องการและใส่ผ่านเข้าไปในเซลล์พืช “เสร็จเรียบร้อยแล้วพืชก็จะผลิตโปรตีนมาตามที่เราสั่ง…ก็สามารถที่จะทำเป็นวัคซีนเจเนอเรชันหรือรุ่นที่หนึ่ง…สอง…สาม…สี่…ห้า ได้หมดเลย แล้วต้นไม้ใบยาก็สามารถที่จะผลิตโปรตีนได้ในเก้าวัน” ให้เข้าใจตรงกันว่า…เมื่อได้โปรตีนเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถที่จะพิสูจน์ทดลอง เอามาฉีดในหนู ว่าสามารถยับยั้งไวรัสตระกูลต่างๆ ได้หรือเปล่า ทั้งหมดนี้ใช้เวลาอยู่ในช่วง 2–3 สัปดาห์เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นการที่วัคซีนรุ่นใหม่ใช้ได้ผลยังไงก็สามารถตอบได้เลย วิธีการของวัคซีนใบยาจะไม่เหมือนกับการผลิตวัคซีนชนิดอื่น ไม่ว่าจะเป็นตัว mRNA…ชนิดสารพันธุกรรม หรือ…ชนิดใช้ไวรัสเป็นพาหะ
จับตาจุดเปลี่ยน…เดือนสิงหาคม “วัคซีนใบยา” อวดโฉมให้เห็นประสิทธิภาพ
อย่างไรเสีย วัคซีนใบยาถือว่ามีความยืดหยุ่นอยู่มาก สามารถปรับเปลี่ยน พัฒนาล้อไปตามไวรัสที่ปรับเปลี่ยนสายพันธุ์ไปได้ทุกขณะเรียกว่า…เราสามารถพัฒนาวัคซีนได้ทันกาลเสมอ แต่วัคซีนที่ออกมา ณ วันนี้ ต้องเข้าใจว่าเป็นวัคซีนที่ใช้ต่อต้านไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์อู่ฮั่น ต้นปัญหาซึ่งระบาดเมื่อปีที่แล้ว วัคซีนเหล่านี้…จำกัดการป้องกันเฉพาะไวรัสสายพันธุ์เดียวอย่างนั้น ถ้าหากจะเปลี่ยนใหม่ก็เหมือนกับว่าต้องเริ่มต้นใหม่ ซึ่งต้องใช้เวลาในการทดสอบที่ช้ากว่า ไม่เหมือนวัคซีนใบยาที่ทำ…ปรับได้เร็วกว่ามากเลย ประเด็นที่สำคัญ…เรา (คนไทย) ทำเองได้ตั้งแต่ต้นน้ำไปถึงปลายน้ำ ไม่ต้องยืมจมูกคนอื่นหายใจ
ไหนๆก็คุยกันด้วยเรื่อง “วัคซีน” กันแล้ว ก็คุยกันต่อไปถึงเกร็ดความรู้เกี่ยวกับการฉีดวัคซีนกันอีกสักหน่อย คนไม่น้อยอาจจะมีคำถาม สมมติว่าฉีดวัคซีนไปแล้วครบโดส ไม่ว่าจะเป็นแอสตราเซเนกา ซิโนแวค แล้วเกิดว่า…มีวัคซีนตัวใหม่ๆเข้ามา อาจจะเป็นไฟเซอร์ จะสามารถฉีดซ้ำเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันสู้โควิด-19 ได้อีกไหม “ไม่ควรนะครับ” ศ.นพ.ธีระวัฒน์ ว่า “เนื่องจากว่าลักษณะวัคซีนสร้างมาจากไวรัสต้นแบบตัวเดียวกัน ถ้าหากว่าเราฉีดซ้ำเข้ามาอีกทีก็ไม่น่าจะได้ประโยชน์อะไร ถึงแม้ว่าอาจจะมีเคลมว่าไฟเซอร์ดูจะขึ้นดีกว่า แต่ซิโนแวค…ประสบการณ์ที่เคยฉีดเข็มแรกจะไม่เห็นอะไร ต้องรอประมาณสามสัปดาห์ขึ้นไปแล้วก็ฉีดเข็มที่สอง” เมื่อเข็มที่สองถูกฉีดไปแล้ว ภายในระยะเวลา 5 วัน หลายๆคนที่แล็บก็ฉีดซิโนแวค พอเจาะเลือดขึ้นมาเราก็จะเช็กระดับภูมิคุ้มกันที่จะยับยั้งไวรัสได้ขึ้นมาหมดทุกคนเลย ด้วยเหตุผลนี้เองจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องฉีดซ้ำด้วยวัคซีนอีกตัวหนึ่ง กรณีนี้เป็นความเชื่อมาจากว่า…ยิ่ง “น้ำเหลือง” มีระดับภูมิคุ้มกันเยอะๆยิ่งดี เหมือนกับว่ายิ่งมีมากก็ยิ่งจะหายจากร่างกายไปช้า แต่โดยความจริงแล้ว…วัคซีนไม่ได้ดูแต่ระดับภูมิคุ้มกันว่าขึ้นสูงเท่าไหร่ แต่เราจะดูว่าการที่ “วัคซีน” จะสามารถ “ป้องกัน” คนจากการติดเชื้อ หรือติดแล้วไม่ “เสียชีวิต” …ไม่ได้อาศัยน้ำเหลืองหรือแอนติบอดีอย่างเดียว แต่อาศัยกลไกระบบเซลล์ที่เราเรียกว่า… “ทีเซลล์” แล้วก็ยังมี “บีเซลล์” ที่สร้างแอนติบอดีด้วย “คนทั่วๆไปเราจะมองที่แอนติบอดีเพราะว่าตรวจสอบง่าย เจาะเลือดปุ๊บสามชั่วโมงก็รู้ผลว่ายับยั้งไหม แต่เรื่องของทีเซลล์ค่อนข้างยากกว่า ด้วยกลไกที่ซับซ้อนและมีราคาแพง เอาง่ายๆอย่าไปฉีดซ้ำด้วยความเชื่อที่ผิดๆดีกว่า” ยกเว้นเสียแต่ว่า เราฉีดของเก่าไปเรียบร้อยแล้ว ถ้ามี “ไวรัสยี่ห้อใหม่ (สายพันธุ์ใหม่)” ระบาด วัคซีน (ปัจจุบัน) ที่มีอยู่เอาไม่อยู่เลย อันนั้นก็มีความจำเป็นที่จะฉีดวัคซีนของใหม่…เพื่อที่จะครอบคลุม ป้องกันใหม่ ถามต่อไปอีกว่าแล้วถ้าฉีดซ้ำจะเกิดโทษ มีผลร้ายต่อร่างกายไหม? อันนี้มีปัญหาอยู่อันหนึ่ง ซึ่งจริงๆพวกเราชาววัคซีนที่ทำวัคซีนกันมานาน องค์การอนามัยโลกก็ประกาศมาตั้งแต่ต้นเลยว่า…ถ้าหากว่าวัคซีนที่ฉีดไปแล้วได้ภูมิคุ้มกันในน้ำเหลืองเยอะๆถ้าเกิดมีไวรัสตัวใหม่ซึ่งมันไม่ฆ่า แต่จะจับไวรัสตัวใหม่ลากเข้าไปในเซลล์แล้วกระตุ้นสารอักเสบขึ้นมา
อันนี้เองที่เรียกว่าวัคซีนทำให้หลง…โควิดอาจจะมีแค่ร้ายกาจระดับหนึ่งคือไม่ตาย แต่ว่าได้ภูมิคุ้มกันมหาศาลขนาดนี้แล้วไปเจอไวรัสตัวใหม่ ก็ยังตอบไม่ได้ว่าจะยิ่งร้ายแรงขึ้นไปอีกหรือเปล่า นี่เป็นข้อกริ่งเกรงอย่างยิ่ง…ด้วยว่าเคยเกิดปรากฏการณ์นี้ขึ้นมาแล้ว กรณี… “ไวรัสไข้เลือดออก” ซึ่งจะถูกแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มด้วยกัน ถ้าหากว่าปีที่แล้วเราเจอเบอร์ 1 ของไวรัสไข้เลือดออก ก็คิดว่าเราคงมีภูมิคุ้มกันในน้ำเหลืองขึ้น แต่มาปีนี้เราเกิดไปเจอไวรัสกลุ่ม 3
“ปรากฏว่า…ภูมิคุ้มกันกลุ่ม 1 พอเห็นกลุ่ม 3 ไม่ได้ทำลาย แต่ว่าไปจับมือกับกลุ่ม 3 แล้วถึงเข้าไปในเซลล์แล้วก็ทำให้เกิดการอักเสบขึ้น เพราะฉะนั้นจึงเกิดเป็นกรณีวัคซีนที่บริษัทไบโอเมริเยอร์ฯซึ่งตื่นเต้นขายไปทั่วโลก ปรากฏว่าเมื่อฉีดไปแล้วไปเจอกับไวรัสอีกตัวซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อน ปรากฏว่า…คนตายมากขึ้น”
กรณีนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจ แล้ววัคซีนนี้ก็ขายไม่ได้เลยทั่วโลก ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นแล้วใน “ไวรัส” โรคไข้เลือดออก แต่กับโคโรนาไวรัส “โควิด-19” ยังไม่ทราบ ฉะนั้นเองก็ต้องระวังในเรื่องของวัคซีน กระนั้นก็ยังเป็นเรื่องที่ไม่อยากจะพูดเพราะกลัวว่าพูดไปแล้วคนจะไม่ยอมรับการฉีดวัคซีน ณ วันนี้เอาที่สบายใจ ฉีดแค่ครบโดสก็น่าจะเพียงพอแล้ว
คำถามต่อเนื่อง…หากเดือนสิงหาคมที่จะถึง “วัคซีนใบยา” สัญชาติไทยสู้โควิด-19 ได้ทุกสายพันธุ์ทดสอบผ่านพ้นไปได้ด้วยดี จะฉีดซ้ำได้ไหม?
“วัคซีนใบยาสามารถครอบคลุมป้องกันไวรัสได้กว้างขวางกว่าก็ควรฉีดซ้ำได้…ถ้าครอบคลุมตัวใหม่ เหมือนกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ปีที่แล้วเราฉีด ปีนี้เราก็ฉีดอีกเพราะวัคซีนครอบคลุมตัวใหม่แล้ว”
“วัคซีนใบยา” ที่จะออกมาครอบคลุมป้องกันไวรัสเยอะกว่าแน่ อาจจะเป็นอีกหนึ่งความหวังสำคัญในอนาคต ไม่ว่าจะมองเรื่อง “ต้นทุน” ก็ถูก เพราะผลิตจากใบพืช ยิ่งปลูกเยอะพื้นที่เยอะ ถ้าถามเรื่องปริมาณการผลิตก็สามารถที่จะผลิตได้เป็นสิบล้านโดสภายในระยะเวลาอันสั้น…“ข้อน่าดีใจ โปรตีนที่นำมาผลิตวัคซีนหนึ่งโดสนั้น ไม่ต้องใช้เยอะ…ใส่นิดเดียวก็สามารถกระตุ้นภูมิได้เต็มเลย”
เอาล่ะครับ “วัคซีนใบยา” ของคนไทย ของประเทศไทย…คุมได้ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำที่สำคัญปรับเปลี่ยนพัฒนาไปได้เรื่อยๆ ตามพัฒนาการสายพันธุ์ไวรัส ร่วมด้วยช่วยกัน…“วัคซีนใบยา” เป็นอีกความหวังสำคัญยิ่งสำหรับสารพัดโรคร้ายในอนาคต ที่ไม่เฉพาะไวรัสโควิด-19 เท่านั้น.
— คลิ๊กดูโควิด รู้จัก-ป้องกัน-รักษาเองได้ง่ายๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่ —